หลังจากได้ฤกษ์จำหน่าย iPad with Retina Display หรือ iPad รุ่นที่ 4 โมเดล WiFi+Cellular หรือรุ่นที่สามารถใส่ซิมได้นั่นเอง อย่างที่ทราบกันดีว่า iPad 4 นี้เป็นรุ่นตัวตายตัวแทน ของ The New iPad หรือ iPad 3 นั่นเอง ที่ออกมาจำหน่ายยังไม่ถึงปี ทางแอปเปิลจึงไม่ได้เปลี่ยนดีไซน์ ทุกอย่างจะคล้าย ของเดิมเหมือนกับ iPad 3 นั่นเอง คาดดว่าทางแอปเปิลแค่ต้องการจะเปลี่ยนให้อุปกรณ์พกพาทั้งหมด ใช้ Lighning connector แบบใหม่นั่นเอง iPad 4 และ iPad 3 คล้ายกันขนาดนี้ เรามาแกะกล่องกันดีกว่า ว่าเหมือนหรือต่างจากเดิม ตรงไหนบ้าง ?
กล่องผอมบางลง เปิดยากเอาการ
ตัวกล่อง
แรก สัมผัสที่รู้สึกได้ถึงความแตกต่างก็คือ กล่อง iPad with Retina Display นี้มีขนาดกล่องใหญ่เท่าเดิม แต่บางลงถึง 1 ซ.ม.เลยทีเดียว จาก 5.5 ซ.ม. เหลือเพียง 4.5 ซ.ม. ทำให้กล่องฟิตมากๆ เวลาเปิดกล่องต้องใช้ตั้งใจเปิดซักหน่อยกว่าจะเปิดกล่องออก
มี อยู่ที่ตัวกล่องต่างกันอีกหนึ่งจุดระหว่าง iPad 3 และ iPad 4 ก็คือด้านบนกล่อง iPad 3 จะมีสัญลักษณ์ iCloud แต่สำหรับ iPad 4 เป็นโลโก้แอปเปิลแทน
อุปกรณ์ที่มาในกล่อง ก็เช่นเดียวกับ iPad 3 ก็คือ คู่มือ + ตัวถอดถาดซิม, สายเคเบิลที่เปลี่ยนเป็น Lightning connector และ อะแดปเตอร์ ที่เปลี่ยนจาก 10 W USB Power Adapter มาเป็น 12 W USB Power Adapter ช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วขึ้นนั่นเอง แก้ปัญหาที่ เกิดขึ้นกับ iPad 3 ที่ใช้เวลาชาร์จไฟนานกว่าจะเต็ม
คู่มือและที่ถอดถาดซิม
ตัวอะแดปเตอร์ เป็นแบบหัวใหญ่ ไม่เหมือนของ iPad mini และ iPhone 5
สาย Lightning
ด้านหลังกล่อง
ตัวเครื่อง
สำหรับ ตัวเครื่อง iPad 4 ดีไซน์ทุกอย่าง เหมือนเดิมไม่ต่างจาก iPad 3 รวมทั้งถอดใส่ซิม ก็ยังเป็นแบบ Micro SIM อยู่ ไม่เปลี่ยนเป็น Nano SIM แบบ iPhone 5 และ iPad mini ตัวลำโพงก็ยังเป็นแบบ Mono อยู่ ไม่ได้มีการปรับปรุงให้เป็นแบบ Streo แบบ iPad mini (คงต้องฝากความหวังไว้กับ iPad 5)
เปิดกล่องมา เจอ iPad 4 ตามระเบียบ
ด้านหลัง iPad 4 เหมือนกับ iPad 3 นั่นเอง
จุดที่ต่างกันชัดเจน ก็คือ Lightning Connector นั่นเอง
ลำโพงก็เหมือนเดิม ยังเป็น Mono อยู่
หน้าจอไม่ต่างจากเดิม ซึ่งหน้าจอ Retina Display ก็เรียกว่าคมชัดสุดยอดอยู่แล้ว
จุด แตกต่างที่มองไม่ออกภายนอกก็คือ กล้อง FaceTime HD หรือกล้องหน้าของไอแพดนั่นเอง ที่ปรับปรุงให้ละเอียดขึ้น โดยละเอียด 720p สำหรับวีดีโอ และ 1.2 MP สำหรับภาพถ่าย สำหรับ iPad 3 นั้นกล้องหน้าละเอียดเพียงระดับ
VGA เท่านั้น ดังนั้นใครชอบถ่ายรูปตัวเอง หรือใช้กล้องหน้าบ่อยๆ คงชอบกันในจุดนี้ โดยเฉพาะ ใครที่ใช้ FaceTime หรือ Skype บ่อย ๆ
ซิมยังใช้ Micro SIM อยู่เหมือนกับ iPad 3
สรุป แล้ว iPad with Retina Display (iPad 4) และ The New iPad (iPad 3) นั้นสำหรับรูปลักษณ์ภายนอก ไม่มีความแตกต่างกัน ยกเว้นแต่ต้องมาใช้ Lighning Connector ซึ่งอุปกรณ์เสริมที่ใช้ Lightning port นี้ยังหายากอยู่ และยังมีราคาแพง ดังนั้นสำหรับผู้ใช้ iPad 3 อยู่แล้วนั้น คงยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ iPad 4 แต่อย่างใด เพราะดีไซน์เดิม และปรับเปลี่ยนอะไรไม่มากนัก แต่สำหรับ iPad 2 แล้วจะข้ามมาใช้ iPad 4 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะหน้าจอระดับ Retina Display ที่มีความคมชัดสูง
iPad 4 จำหน่ายในราคาเดียวกับ iPad 3 สามารถดูรายละเอียด ราคาและโปรโมชั่นได้ที่นี่
ที่มา : http://www.iphoneapptube.com/2012/12/unbox-ipad-with-retina-display-ipad-4.html
|